หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูก้มเอาหน้าผากแตะพื้น แปลว่าช้อนเมื้อกี้เป็นช้อนสุดท้าย แล้วหนูจะไม่หม่ำอีกเด็ดขาด ไม่ว่าพ่อจะมาไม้ไหนก็ตาม
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ตอนนี้พจนานุกรมหนูมี 3 คำ
มี้อาว แปลว่า ไม่เอา ... มะ แปลว่า แม่ ... จิ แปลว่า ฉี่
(ซึ่งบางครั้งพ่อก็ต้องเดาเอาว่า จะฉี่ หรือ ฉี่ไปแล้ว จงไปตามเช็ดด้วย)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า เย็นวันที่พ่อกลับเร็วนั้นมีความหมายกับหนูแค่ไหน
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า หนูกินไม่เลือกเหมือนพ่อนั่นแหละ
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า อย่ารัดจุกหนูกลางหัว เพราะเวลาหนูคันหัวหนูจะเกาจนมันหลุด
ให้รัดค่อนมาทางหน้าผาก
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูมาเกาะขาแล้วชี้ไปที่ไหน แปลว่า สิ่งนั้นมันทำให้หนูเจ็บหรือไม่ชอบใจ
(ซึ่งบางทีหนูก็เกาะขาแม่แล้วชี้มาที่พ่อ)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูยังไม่หลับ อย่าหวังว่าใครในบ้านจะได้หลับ
(อย่างเป็นสุข)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า การจัดบ้านให้เป็นระเบียบนั้นเป็นการเสียเวลาและพลังงานโดยเปล่าประโยชน์
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า เมื่อหนูตื่นมากลางดึก ถ้าพ่อตบก้นหนูเบาๆแล้วหนูยังไม่หลับต่อ
แปลว่าหนูหิวน้ำ จงเอาขวดน้ำมาใส่ปากหนูซะดีๆ ไม่งั้นพ่อไม่ได้หลับต่อแน่ๆ ...
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ราคาของผ้าอ้อมสำเร็จรูปไม่มีความสัมพันธ์ต่อจำนวนครั้งที่หนูจะตื่นมากลางดึก ...
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า อย่าลืมปล่อยหนูเล่นน้ำนานเกิน 10 นาที เพราะหนูจะเป็นหวัด
แล้วคนที่เดือดร้อนก็พ่อนั้นแหละ
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ถ้าหนูนอนไม่หลับให้เอามือหนูมาแปะไว้ที่หน้าพ่อแล้วหนูจะหลับได้ง่ายขึ้น
(แต่ตอนตื่นมักจะกลายเป็นเท้าหนูเวียนมาอยู่บนหน้าพ่อแทนอยู่ร่ำไป)
หนูสอนให้พ่อรู้ว่า ....
แล้ววันหนึ่งที่ .... ความรักของพ่อ ... ถูกมองว่าน้อยกว่าความรักผู้ชายอีกคนหนึ่ง
คำพร่ำเตือนสอนสั่งของพ่อ .... เสียงดังน้อยกว่าคำออดอ้อนของผู้ชายคนนั้น
ความห่วงใยของพ่อ ... มีค่าน้อยกว่าที่จะปฏิเสธคำขอผู้ชายคนนั้น
อ้อมกอดของพ่อ ... ดูเหมือนจะอบอุ่นน้อยไปกว่าอ้อมกอดของผู้ชายคนนั้น
พ่อหวังแค่เพียงว่า ผู้ชายคนนั้นจะรักและทนุถนอมหนูได้เพียงครึ่งที่พ่อรักหนู ..
|